วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

โยคะเพื่อสุขภาพ

โยคะเพื่อสุขภาพ


ความหมาย
      โยคะ (YOGA) มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต คำว่า “ยุจ” แปลว่า รวม องค์รวม เต็ม สิ่งสำคัญ หรือ Integration ดังนั้น โยคะ จึงหมายถึง การรวมให้เป็นหนึ่ง คือรวมกาย จิต วิญาณของผู้ฝึกเข้าไว้ด้วยกัน  ทำให้มีสติและอยู่บนพื้นฐานของความจริงของชีวิต    ผู้ที่ปฏิบัติโยคะที่เป็นผู้ชายเรียก yogins or yogîs  ส่วนผู้หญิงเรียก yoginîs  และเรียกผู้สอนว่า guru 
           การฝึกโยคะเป็นการสอนให้ร่างกายและจิตใจทำงานอย่างเป็นระเบียบ เป็นกระบวนการที่มนุษย์เรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอย่างเป็นองค์รวมให้มากที่สุด  รวมไปถึงการทำความรู้จักกับตัวตนของตนเอง  และการลดทอนหรือขจัดสภาวะต่างๆ ที่ช่วยให้มนุษย์รู้จักมูลเหตุทุกชนิดที่ขาดสมดุล  อันก่อให้เกิดความเจ็บป่วยและจัดปรับให้คืนสู่ภาวะปกติ  โยคะจึงเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการพัฒนาทางด้านจิตและกายมนุษย์  และทางด้านการบำบัดไปพร้อมๆกัน  มุ่งไปที่การประสานกลมกลืนกันของระบบต่างๆ ของชีวิต

ความเป็นมาของโยคะ


      โยคะเป็นวิถีแห่งการฝึกฝนตนเองที่มีมาแต่โบราณในประเทศอินเดีย  มีหลักฐานเกี่ยวกับโยคะตั้งแต่สมัยอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ เมื่อราว 3,000 ปี ก่อนคริสต์กาล นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าโยคะมีมากกว่า 5,000 ปีแล้ว  ในสมัยโบราณนั้นมนุษย์ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับความเข้าใจในความเป็นอยู่ของตนเอง อดีตมีการจารึกถ้อยคำด้วยตัวอักษรความรู้ที่สำคัญๆทั้งหมดถูกส่งผ่านคนรุ่น หนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งในรูปแบบของนิทาน ด้วยวิธีการเช่นนี้ ความรู้ต่างๆจึงได้สะสมขึ้นและวัฒนธรรมต่างๆได้พัฒนาขึ้นมา และนี่คือวิธีการที่การฝึกโยคะได้ถ่ายทอดมาถึงปัจจุบันในหุบเขาแห่ง อินดัส
          วอลเลย์ นักโบราณคดีได้ค้นพบไม้แกะสลักและศิลปะรูปปั้นที่แสดงถึงการฝึกโยคะ ศิลปะเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยประชาคมที่มีความเจริญเป็นอย่างสูง ซึ่งเจริญอยู่ในพื้นที่แถบนั้นช่วง 2,00 และ1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช   นักปราชญ์ชาวฮินดูคนหนึ่งชื่อว่า พาตานจาลี เป็นคนแรกที่ปรับปรุงการฝึกโยคะขั้นพื้นฐาน เขาเขียนสูตรของการฝึกโยคะเป็นหัวข้อ 8 หัวข้อสั้นๆ หัวข้อเหล่านี้เชื่อว่าได้ถูกเขียนขึ้นเมื่อ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช
          แต่เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคี และชนชั้นวรรณะพราหมณ์เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย  เป็นศาสตร์ที่สำคัญยิ่งของวัฒนธรรมอินเดีย  โดยมีความผูกพันอยู่กับปรัชญาและศาสนาฮินดู  และได้เแพร่หลายไปทั่วโลกในฐานะศาสตร์แห่งการแพทย์ทางเลือก

ประโยชน์ของโยคะ
      การฝึกโยคะนั้นต่างจากการออกกำลังกายแบบอื่นๆ ที่เป็นที่นิยมกัน เช่น แอโรบิค ยกน้ำหนัก หรือวิ่งอย่างสิ้นเชิง จุดประสงค์ของการฝึกโยคะไม่ใช่การพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ (แม้โยคะจะมีประโยชน์เช่นนั้นด้วยก็ตาม) แต่โยคะมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูจิตของกายให้กลับมาสู่สภาวะความเป็นอยู่ที่ดี ผ่อนคลาย และตื่นตัวอยู่เสมอ

โยคะลดน้ำหนัก 9 ท่า ลดความอ้วน ใน 1 เดือน
     หลายๆคนอาจคิดว่าโยคะทำยาก มีแต่ท่ายากๆ กลัวทำไม่ได้จึงไม่คิดออกกำลังกายแบบโยคะ แต่วันนี้ถ้าหากคุณได้ลองทำมันแล้วคุณจะคิดว่ามันง่ายนิดเดียว และก็สามารถทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรง หุ่นดีอีกด้วย มาดูกันเลยว่าท่าโยคะลดน้ำหนักจะมีท่าอะไรกันบ้าง
ท่าบิดลำตัว

ท่าหน้าวัวแบบประยุกต์
     
    

ท่าเรือกลไฟ

      1.ท่าโยคะแบบหน้าวัวประยุกต์
เริ่มต้นขั้นแรกคือ ยืนตัวตรงเท้าชิดติดกัน และเอามือขวาจับปลายผ้าขนหนูข้างหนึ่ง ให้ยกแขนขวาขึ้นแล้วงอข้อศอกลงไปด้านหลังศีรษะ ให้แขนซ้ายแนบติดลำตัวงอแขนไว้ด้านหลังขนานกับช่วงเอว จับปลายผ้าขนหนูอีกข้าง หายใจเข้า และเอามือขวาออกแรงดึงผ้าขนหนูขึ้นให้แขนขวาชิดใบหูโดยสนิท หายใจออก มือซ้ายดึงผ้าขนหนูลงจนแขนซ้ายตึง และระวังอย่าให้แขนซ้ายแยกออกจากลำตัวโดยเด็ดขาด และต้องดึงผ้าให้ตึงตลอด ทำต่อเนื่องจนครบ 10 ครั้ง และครั้งที่11 ลดแขนทั้งสองให้ขนานกัน แล้วออกแรงดึงผ้าให้ตึง ปล่อยแขนลงผ่อนคลาย ทำซ้ำอีกข้าง ท่านี้จะช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณท้องแขนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวเชียวแหละ 

     2. ท่าเรือกลไฟ
เริ่มต้นขั้นตอนแรกโดย ยืนตัวตรงกางขาออกกว้างเป็น 3 เท่าของช่วงไหล่ และให้เอาขาเหยียดตรงเปิดปลายเท้าขวาให้ตั้งฉากกับลำตัว หายใจเข้า จากนั้นให้หงายฝ่ามือยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นขนานกับพื้น หายใจออก และหมุนตัวมาทางขวามือ 90 องศา ให้หายใจเข้าประสานมือดันนิ้วชี้ขึ้นเหนือศีรษะ ยืดแขนให้ตึง แล้วหายใจออก งอเข่าขวาให้ตั้งฉากไม่เกินนิ้วโป้งเท้า หายใจเข้า เกรงขายืดแขนให้ตึง หายใจออก ยืดตัวตรง แขม่วท้อง หายใจเข้า เกร็งขายืดตรง แล้วกลับไปท่าเริ่มต้น ทำแบบนี้ซ้ำกันไปเรื่อยๆข้างละ 3 ครั้ง ท่านี้จะช่วยลดไขมันท้องแขน และสะโพก ได้บริหารปีกสะบักกลางหลัง และกล้ามเนื้อต้นขา

     3. ท่าบิดลำตัว
ท่านี้ให้เริ่มต้นจากนั่งหลังตรง และใช้ขาซ้ายไขว้ขาขวา ปลายเท้าขวาวางข้างสะโพก อกชิดติดเข่า แขนซ้ายกอดหัวเข่าขวา หายใจเข้าให้ลึก วาดแขนขวาไปทางด้านหลังและให้วางไว้ที่เอว หายใจออก แขม่วท้องบิดเอวหันหน้าไปทางด้านหลัง และหายใจเข้าหันหน้ากลับท่าเริ่มต้น ทำแบบเดิมซ้ำกัน 3 รอบแล้วเปลี่ยนข้าง ท่านี้จะช่วยลดเอว หน้าท้อง ต้นขา ปีกสะบัก และแนวขอบอก


4. ท่ายืดส่วนหลัง
ท่ายืดส่วนหลัง

ท่านี้ให้เริ่มต้นขั้นแรกโดยนั่งหลังตรง และจากนั้นให้ยืดขาทั้งสองข้างไปด้านหน้าเกร็งปลายเท้าให้ตั้งฉาก และหายใจ เข้ายกแขนทั้งสองข้างเหนือศีรษะ หายใจออก คว่ำมือแล้วค่อยๆ ก้มตัวลง เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณช่วงเอว แล้วใช้นิ้วชี้เกี่ยวนิ้วโป้งเท้า จากนั้นจึงค่อยๆ ก้มตัวลงอีก งอศอกเล็กน้อยค้างไว้ประมาณครึ่งนาที และสำหรับท่านที่ไม่สามารถเกี่ยวนิ้วได้ อย่าฝืน ให้จับบริเวณใต้เข่าแต่ให้ก้มตัวเท่าที่ทำได้ก็พอ จากนั้นให้ยืดตัวขึ้นช้าๆ ท่านี้จะช่วยกระตุ้นการขับถ่าย บริหารกล้ามเนื้อส่วนหลัง และต้นขา

5. ท่าสะพาน
ท่านี้ให้เริ่มต้นจากหายใจเข้านอนหงายขนานกับพื้น แล้วให้งอขาชันเข่า เอามือจับที่ส้นเท้า เกร็งหัวเข่ากดคางกับหน้าอก เมื่อหายใจเข้า ยกสะโพกขึ้นเท่าที่ทำได้ และสามารถใช้มือค้ำที่เอวได้ และหายใจออก หายใจเข้าอีกครั้ง เกร็งกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพก หายใจออก ค่อยๆ วางตัวลงกับพื้น ทำ 4 ครั้ง ท่านี้จะช่วยลดไขมันหน้าท้อง ต้นขา และบริหารกล้ามเนื้อหลัง

     6. ท่าศพ
ท่านี้ทำโดยให้เริ่มนอนเหยียด ขา แล้วกระดกปลายเท้า เกร็งเท้า เข่า ขมิบก้น ต้นขา สะโพก เกร็งส่วนคอ กำหมัดแล้วเกร็ง โดยเกร็งส่วนละ 2 วินาที แล้วปล่อยให้ผ่อนคลายเป็นท่าจบและนอนพักไปสักพักก่อน การเกร็งส่วนต่างๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและรู้สึกสบสบายตัวมากขึ้น
ท่าสะพาน

ท่าศพ




ท่าหมุนท้อง
    





      7.ท่าหมุนท้อง (ชฐระ ปริวรรตนาสระ) 

ท่านี้ช่วยให้คุณได้บริหารช่วงเอวเป็นส่วนมาก โดยเป็นท่าทางนอนเหวี่ยงขาไปมา คล้ายการหมุนเข็มนาฬิกา ช่วยสลายไขมันหน้าท้อง กระชับสะโพก และต้นขา รวมถึงบรรเทาอาการปวดสะโพก ได้เป็นอย่างดี เคล็ดลับฉบับคนอ้วน "ช่วงนั้นน้ำหนักตัวยังมากอยู่ ยกขาตั้งฉากกับพื้นแทบไม่ขึ้น ต้องแก้ด้วยการงอเข่าเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ทำจนกว่าขาจะเหยียดตรงได้เอง บางวันก็ให้ใช้ตัวช่วยเพื่อเสริมแรงเหวี่ยงขา โดยใช้มือยึดสิ่งของไว้ เช่น ขาโต๊ะ ขาเก้าอี้ หรือวางเชือกไว้ใต้ลำตัวระดับไหล่ กำเชือกในมือแต่ละด้านให้ตึง เมื่อจะเหวี่ยงขาไปทางไหน ก็ให้ดึงเชือกไปทางฝั่งตรงข้าม และในการฝึกท่านี้ ควรออกแรงกดไหล่และหลังให้ชิดพื้นมากที่สุด แล้วออกแรงเหวี่ยงขา โดยใช้แรงจากช่วงเอวและต้นขา อย่าเกร็งหลัง นอกจากช่วยให้ได้บริหารช่วงล่างเต็มที่แล้ว ยังช่วยป้องกันอาการปวดหลังที่อาจเกิดขึ้น
ท่านักรบ
8 ท่านักรบ (วีราสนะ)

สำหรับท่านี้ เป็นการรวมท่ายืดเหยียดร่างกายไว้ในท่าเดียว ทั้งย่อขาโน้มตัว และยืดเหยียดแขนขา โดยเฉพาะได้ออกกำลังช่วงสะโพกมาก ทำให้ต้นขากระชับ ท่านี้ช่วยบรรเทาอาการปวดเอว น่อง และเข่า ที่เกิดจากแรงกดของน้ำหนักตัว การเหยียดมือข้ามศีรษะยังช่วยเปิดช่วงอกให้หายใจได้ลึกขึ้น เพราะต้องอาศัยช่วงขามากในท่านี้ จึงควรก้าวขาข้างที่ต้องย่อเข่าตั้งฉากออกไปให้กว้างๆ แล้วหันปลายเท้าให้ตรงกับแนวหัวเข่าพอดี ส่วนขาอีกข้างพยายามเหยียดให้ตึง วางเท้าทั้งสองข้างให้เต็มฝ่าเท้า วิธีนี้จะช่วยให้ทรงตัวดี ไม่ล้มง่าย แต่หากติดพุง ยังไม่ต้องย่อเข่ามาก ย่อแค่พอรู้สึกตึงหน้าขา หรือยืดขาให้ตรงก็พอ ก่อนโน้มตัวทุกครั้ง ควรหายใจเอาลมหายใจออกให้หมดท้องเสียก่อน ช่วยลดปัญหาติดพุงอีกทาง 

     9 ท่าหงส์เหิน (นาฏราชอาสนะ)
และสำหรับท่านี้ต้องอาศัยการเกร็งร่างกายในการทรงตัวมากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ล้มขณะยืนด้วยขาเดียว ยิ่งกล้ามเนื้อได้ออกแรงเกร็งมากเท่าไร ยิ่งช่วยให้เผาผลาญไขมันดีขึ้น ท่านี้ยังช่วยในการฝึกสมาธิให้แน่วแน่ และข้อควรระวังสำหรับคนอ้วน คือ เซล้มง่าย เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้การทรงตัวลำบาก แล้วไหนจะต้องยกขาอีกข้างขึ้นอีก เคล็ดลับท่านี้อยู่ที่ว่าต้องสร้างฐานยืนให้มั่นที่สุด โดยยืดขาหลักให้ตรง ให้รู้สึกตึงที่หัวเข่า น้ำหนักตัวจะถ่ายลงบนเท้า จากนั้นจึงใช้ปลายเท้าจิกพื้นไว้ เท่านี้ก็ช่วยให้ฐานแน่นแล้ว และนอกจากนี้ การเกร็งข้อเท้าเอาไว้ จะช่วยไม่ให้ข้อเท้าพลิกถ้าเกิดเซล้มขึ้นมา โดยเฉพาะคนอ้วน ที่มักบาดเจ็บจากอาการข้อเท้าพลิกได้ง่ายกว่าปกติ

    และในแผนการลดน้ำหนักให้เห็นผลอย่างเร่งด่วน เลือกฝึกท่าโยคะที่ได้ออกแรงมากเป็นพิเศษ รวมถึงเน้นท่าที่ได้บริหารส่วนไขมันพอกพูนให้ได้ลดได้มากที่สุด และจะต้อง ปรับอาหารให้ทานน้อนลงไปด้วย จากกินข้าวมื้อละสี่จานลดเหลือหนึ่งจาน เน้นกินกับข้าวมากกว่าข้าว งดมื้อดึกอย่างเด็ดขาด แล้วดื่มน้ำแทนมากๆ บางมื้อกินแต่ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีน้ำมาก เพื่อช่วยคลายอาการเหนื่อยร้อนจากการฝึกโยคะไปในตัวด้วย เช่น แตงโม ชมพู่ ฝรั่ง เพราะผลไม้จำพวกนี้สามารถช่วยลดน้ำหนักได้เช่นเดียวกัน

     ถ้าหากคุณอยากลดน้ำหนักแล้วละก็วิธีนี้ นั่นคือ โยคะลดน้ำหนักรับรองว่าได้ผลแน่นอน แต่ไม่ว่าคุณจะด้วยวิธีไหนเพียงแค่คุณออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่ว่าจะออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ตามก็ทำให้คุณสุขภาพดีได้เหมือนกัน ไม่แค่นั้นคุณจะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอแค่นี้คุณก็จะมีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดีแล้

ท่านักรบ2

ท่านักรบ3


ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/89105
           http://www.rakjung.com/healthy-no188.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น